บ้า vs. กล้า 3 ตราบาป “ผู้ชายไทย” กับ “จิตแพทย์”

“บ้า” vs. “กล้า” | 3 ตราบาป | “ผู้ชายไทย” กับ “จิตแพทย์”

“ถ้าคุณขาหัก คุณไปหาหมอ… แล้วทำไมเวลา ‘ใจพัง’ คุณถึงไม่กล้าไป?”
นี่คือคำถามที่กระแทกใจผู้ชายหลายคน และเป็นหัวใจของซีรีส์ “The Unspoken” ผู้ชาย (ก็) เจ็บเป็น ในตอนที่แล้ว เราได้พูดถึง “กรอบความเป็นชาย” (The Man Box) ที่อันตราย ที่บังคับให้ผู้ชายต้อง “เข้มแข็ง” “ห้ามอ่อนแอ” และ “ห้ามร้องไห้” กรอบนี้เองที่สร้าง “กำแพง” ที่ใหญ่ที่สุดขึ้นมา… กำแพงที่เรียกว่า “ตราบาป” (Stigma)

“ตราบาป” คืออุปสรรคอันดับ 1 ที่ขัดขวางการดูแลสุขภาพจิต โดยเฉพาะในสังคมไทย “ตราบาป” นี้อันตรายถึงชีวิต กรมสุขภาพจิตของไทยเคยระบุว่า ตราบาปคืออุปสรรคสำคัญในการป้องกันการฆ่าตัวตาย ซึ่งสถิติทั่วโลกยืนยันตรงกันว่า ผู้ชายมีแนวโน้มฆ่าตัวตายสำเร็จมากกว่าผู้หญิงถึง 3-4 เท่า เพราะพวกเขา “ทนทุกข์อยู่เงียบๆ” (Suffer in silence) และไม่กล้าขอความช่วยเหลือ บทความนี้จะทลาย 3 ความเชื่อผิดๆ ที่เป็นรากเหง้าของ “ตราบาป” ที่ทำให้ผู้ชายไทยไม่กล้าไปพบจิตแพทย์

🤯 ความเชื่อที่ 1: “ไปหาหมอจิตเวช = บ้า”
นี่คือความเชื่อที่ฝังรากลึกที่สุดในสังคมไทย “ตราบาปทางสังคม” นี้เกิดจากความไม่รู้ และการมองแบบเหมารวมว่าปัญหาทางจิตคือ “ความบ้าคลั่ง” หรือ “การควบคุมตัวเองไม่ได้” ผู้ชายที่ถูกคาดหวังให้ “เข้มแข็ง” จึงรู้สึก “อับอาย” (Shame) ที่จะยอมรับว่าตัวเอง “ควบคุมไม่ได้”


🔬 ความจริง (The Truth):
ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันสุขภาพจิตแห่งชาติ (NIMH) ของสหรัฐอเมริกา ย้ำว่า ภาวะสุขภาพจิต (Mental Health Conditions) คือ “ภาวะทางการแพทย์” (Medical Conditions) ภาวะซึมเศร้า หรือ โรควิตกกังวล ไม่ใช่ “ความอ่อนแอ” หรือ “นิสัยไม่ดี” มันคือภาวะที่เกิดจากความไม่สมดุลของสารเคมีในสมอง หรือเกิดจากความเครียดเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย

 

ตรรกะง่ายๆ:
คุณไม่เคยอายที่จะไปหาหมอเมื่อคุณเป็น “เบาหวาน” (เพราะอินซูลินทำงานผิดปกติ)

คุณไม่เคยอายที่จะไปหาหมอเมื่อคุณเป็น “ไข้หวัดใหญ่” (เพราะติดเชื้อไวรัส)
เช่นเดียวกัน… คุณไม่ควรต้องอายที่จะไปหาหมอ เมื่อ “สารสื่อประสาท” ในสมองของคุณทำงานผิดปกติ

การไปหาจิตแพทย์ ไม่ได้แปลว่าคุณ “บ้า” มันแปลว่าคุณ “ฉลาด” พอที่จะรู้ว่าร่างกายส่วนไหนต้องซ่อมแซม

ความเชื่อที่ 2: “เดี๋ยวก็หายเอง / แค่เข้มแข็งไว้”
นี่คือกับดักที่อันตรายที่สุดของ “ความเป็นชายเป็นพิษ” (Toxic Masculinity) สังคมมักบอกผู้ชายว่า “แค่ไม่คิดมาก” “แค่ไปออกกำลังกาย” “แค่สู้ๆ เดี๋ยวก็ผ่านไป”


🔬 ความจริง (The Truth):
สมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (APA) เตือนว่า ความเครียดเรื้อรังที่ “ไม่ได้รับการจัดการ” (Unmanaged Stress) นั้นอันตรายอย่างยิ่ง
การ “ทน” ไม่ใช่การ “รักษา” การปล่อยให้ภาวะซึมเศร้าหรือความวิตกกังวลเรื้อรังโดยไม่รักษา ก็เหมือนกับการปล่อยให้แผลติดเชื้อโดยไม่ล้างแผล มันจะไม่ “หายเอง” แต่มันจะ “ลุกลาม”

  • ภาวะเครียดเรื้อรังจะนำไปสู่โรคนอนไม่หลับ, ความดันโลหิตสูง และระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ
  • ภาวะซึมเศร้าที่ไม่ถูกรักษา จะยิ่งฝังรากลึก ทำให้การรักษายากขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อการใช้สารเสพติด (Self-medicating) หรือการฆ่าตัวตาย

การ “ทน” ไม่ได้แปลว่าคุณ “เข้มแข็ง” มันแค่แปลว่าคุณกำลัง “สะสม” ปัญหาไว้รอวันระเบิด

💸 ความเชื่อที่ 3: “เสียเงินแพง / เข้าถึงยาก / เสียเวลา”
ความเชื่อนี้มีส่วนจริงในอดีต คนไทยจำนวนมากรู้สึกว่าการเข้าถึงบริการสุขภาพจิตเป็นเรื่องยาก โรงพยาบาลรัฐอาจมีเวลารอคิวนาน ส่วนคลินิกเอกชนก็มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง (ซึ่งอาจสูงถึง 1,500 – 4,000 บาทต่อครั้ง)


🔬 ความจริง (The Truth):
ในยุคดิจิทัล “กำแพง” นี้ได้ทลายลงแล้ว ปัจจุบัน การเข้าถึงการบำบัดกลายเป็นเรื่อง “ง่าย” “เร็ว” และ “เป็นส่วนตัว” กว่าที่เคยผ่านระบบ “Telemedicine” (จิตบำบัดออนไลน์)

  • แอปพลิเคชันอย่าง Sati (สติ): สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้คุณได้ “พูดคุย” กับอาสาสมัครผู้รับฟังที่ผ่านการฝึกอบรมมาโดยเฉพาะ
  • แพลตฟอร์มอย่าง Doctor Anywhere: (ซึ่งเป็นผู้ให้บริการระดับภูมิภาค) ช่วยให้คุณสามารถวิดีโอคอล “ปรึกษาจิตแพทย์” หรือ “นักจิตวิทยา” ได้โดยตรงจากที่บ้านของคุณ

ทางเลือกเหล่านี้ไม่เพียงแต่ “ประหยัดเวลา” ในการเดินทาง แต่ยัง “เป็นส่วนตัว” สูงสุด ทำลายกำแพงความอายที่ต้องไปนั่งรอที่คลินิก

ทางออก: ทำให้การ “ดูแลใจ” เป็นเรื่องปกติ (Normalize It)

การทลาย “ตราบาป” เริ่มต้นที่ตัวเราเอง เราต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่: “การดูแลใจ ก็คือการดูแลสุขภาพ” การไปพบจิตแพทย์หรือนักบำบัด ไม่ใช่การยอมแพ้ มันคือการ “บำรุงรักษา” (Maintenance) เครื่องมือที่สำคัญที่สุดที่คุณมี… นั่นคือ “สมอง”

ถ้าคุณ “ขาหัก” คุณไปหาหมอศัลยกรรมกระดูก
ถ้าคุณ “ใจพัง” คุณก็แค่ไปหาหมอที่เชี่ยวชาญเรื่องใจ


การกล้าที่จะพูดว่า “ผมไม่โอเค” และ “ผมต้องการความช่วยเหลือ” ไม่ใช่สัญญาณของความอ่อนแอ แต่มันคือสัญญาณของ “ความกล้าหาญ” ที่สุดต่างหาก

Sources:

  1. Butler Hospital (Butler.org): Breaking the Stigma of Men’s Mental Health
    URL: https://www.butler.org/blog/breaking-the-stigma-of-mens-mental-health
  2. Bened Life: Ways Men Can Support Their Mental Health
    URL: https://benedlife.com/th-id/blogs/asia/ways-men-can-support-their-mental-health
  3. National Institute of Mental Health (NIMH): Men and Mental Health
    URL: https://www.nimh.nih.gov/health/topics/men-and-mental-health
  4. American Psychological Association (APA): Stress in America™ Survey / Work stress
    URL: https://www.apa.org/topics/healthy-workplaces/work-stress
  5. Doctor Anywhere (Telemedicine): Psychologist consultation services
    URL: https://www.doctoranywhere.co.th/post/psychiatrist?lang=th

MDX แบรนด์ผู้ชายอันดับ 1
คิดค้นความล้ำหน้า เพื่อชีวิตผู้ชายมีระดับ

Leave a Reply