สำหรับวัยทำงานทุกวันนี้ ความเครียดแทบจะกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ทั้งจากการทำงานที่เร่งรีบ หัวหน้าที่กดดัน หรือเป้าหมายที่ต้องแข่งกับเวลา หลายคนจึงหาทางคลายเครียดด้วยวิธีง่ายที่สุด นั่นก็คือ “ของหวาน” ไม่ว่าจะเป็นชานมไข่มุก ช็อกโกแลต หรือโดนัท เพราะมันช่วยให้รู้สึกดีขึ้นทันที
…แต่พฤติกรรมแบบนี้ หากทำบ่อยจนติดเป็นนิสัย ก็อาจนำมาซึ่งโรคเบาหวานได้ง่ายกว่าที่เราคิด!
ความเครียด + น้ำตาล = เสี่ยงเบาหวาน
สถิติของกรมควบคุมโรคปี 2565 ระบุว่าคนไทยป่วยเป็นเบาหวานสะสมถึง 3.3 ล้านคน และในปี 2566 มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มอีกกว่า 3 แสนราย ตัวเลขเหล่านี้ชี้ชัดว่าโรคเบาหวานกำลังกลายเป็นปัญหาสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงานที่มีทั้งความเครียดสะสมและพฤติกรรมกินหวานเพื่อลดความเครียด
เมื่อร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินไป อินซูลินซึ่งมีหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดจะเริ่มทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น จนกลายหนึ่งในสาเหตุของเป็น “เบาหวานชนิดที่ 2” ซึ่งพบได้บ่อยในผู้ใหญ่ โดยเฉพาะคนที่มีน้ำหนักเกินหรือมีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง
เบาหวานไม่ใช่แค่เรื่องน้ำตาล
โรคเบาหวานคือภาวะที่น้ำตาลในเลือดสูงเกินค่าปกติ เช่น ค่าน้ำตาลในเลือดตั้งแต่ 126 มก./ดล. ขึ้นไป หรือ HbA1c ตั้งแต่ 6.5% ขึ้นไป แต่ที่น่ากังวลคือ เมื่อเป็นเบาหวานแล้ว การใช้ชีวิตก็ยิ่งจะต้องเคร่งครัดมากขึ้น ทั้งเรื่องอาหาร การออกกำลังกาย และการกินยา ซึ่งอาจเพิ่ม “ความเครียดซ้ำ” ให้ผู้ป่วย ส่งผลให้บางคนมีภาวะซึมเศร้าหรือปัญหาสุขภาพจิตตามมา โดยผู้ป่วยเบาหวานกว่า 30% มักละเลยการดูแลตัวเอง เช่น ลืมกินยา ไม่ควบคุมอาหาร ส่งผลให้อาการแย่ลงและเกิดโรคแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจ ไต หรือหลอดเลือดสมอง
ทางเลือกคลายเครียดที่ดีกว่าการกินหวาน
แม้ของหวานจะช่วยให้ใจฟูในช่วงสั้น ๆ แต่เรายังมีทางเลือกอื่นที่ดีต่อสุขภาพมากกว่า เช่น
- ออกกำลังกายเบา ๆ อย่างการเดินเร็วหรือโยคะ
- ดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม
- พูดคุยกับคนที่ไว้ใจ
- ทำสมาธิหรือหายใจลึก ๆ
ดูแลอารมณ์และความคิด ปิดประตูสู่โรคเบาหวาน
แม้วัยทำงานจะหลีกเลี่ยงความเครียดได้ยาก แต่เรายังเลือกวิธีจัดการกับมันได้มากมายโดยไม่ทำลายสุขภาพ ที่สำคัญคืออย่าปล่อยให้ “ของหวาน” กลายเป็นทางเลือกเดียวในการคลายเครียดของเรา และนำพาโรคเบาหวานมาแบบไม่รู้ตัว