ในช่วงหน้าฝนแบบนี้ อะไร ๆ ก็ชื้นง่าย โดยเฉพาะบ้านที่มีเจ้านายขนฟูเดินวนอยู่เต็ม เหล่าทาสแมว โดยเฉพาะหนุ่มหล่อล่ำที่ช่วงนี้กำลังฮิตทำคอนเทนต์หนุงหนิงกับน้องแมว ยิ่งต้องระวังให้ดี เพราะ “โรคเชื้อราแมว” อาจกำลังรอซุ่มโจมตีอยู่!
เชื้อราแมวคืออะไร?
โรคนี้เกิดจากเชื้อ Microsporum canis ซึ่งพบได้ทั่วไปบนผิวหนังของแมว เชื้อนี้สามารถแพร่สู่คนได้ทั้งทางตรง ผ่านการสัมผัสแมวที่ติดเชื้อ และทางอ้อมจากขนหรือเศษผิวหนังที่ตกค้างในบ้าน ดังนั้น ใครที่ชอบอุ้มน้อง กอดแน่น ๆ หรือให้เลียหน้า เลียคอ ต้องฟัง! เพราะจุดที่เราจะเป็นผื่นคันได้มากที่สุดคือ ใบหน้า หนังศีรษะ แขน และคอ ซึ่งตรงกับจุดที่เรามักโดนน้องสัมผัสบ่อยที่สุดนั่นเอง
สัญญาณเตือนว่าคุณอาจติดเชื้อเข้าแล้ว
ถ้าคุณเริ่มมีอาการแบบนี้ อย่าชะล่าใจว่าแค่ยุงกัดหรือแพ้เหงื่อ!
- ผื่นวงแดง
- ขอบผื่นชัด มีขุย
- คันยุบยิบ โดยเฉพาะหลังจากฟัดแมว
ยิ่งถ้าอุ้มแล้วผื่นขึ้นตรงแขน หรือโดนน้องเลียหน้าก่อนจะมีผื่นตรงแก้ม ก็เข้าเคสคลาสสิกเลยครับ โดยเฉพาะใครที่ภูมิคุ้มกันต่ำ หรือเกาบ่อย ๆ จนลาม นอกจากผื่นจะลุกลามแล้ว ยังเสี่ยงติดเชื้อแบคทีเรีย หรือร้ายแรงถึงขั้นเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดได้เลย
เจออาการน่าสงสัยแล้วต้องทำไงดี?
อย่านิ่งนอนใจ! การรักษาเชื้อราแมวมีทั้งแบบยาทาและยากิน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและความรุนแรง โดยทั่วไปจะใช้เวลารักษาประมาณ 3 สัปดาห์ แต่ถ้าเป็นที่ศีรษะ อาจต้องรักษานาน 6-8 สัปดาห์เลยทีเดียว
“เชื้อราแมว” ป้องกันง่าย ถ้าใส่ใจทั้งตัวน้องและตัวเรา
แม้เชื้อราแมวจะฟังดูน่ากลัว ไม่เราก็ต้องถึงขนาดเลิกรักน้อง แค่ขอให้รักแบบมีระยะห่างนิดนึง โดยเฉพาะในฤดูฝน และปฏิบัติตามนี้ได้เลย
- ล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสแมว
- หมั่นทำความสะอาดขนและผิว หรืออาบน้ำน้องแมวตามความเหมาะสม
- ตรวจเช็กผิวหนังของแมวเป็นประจำ หากมีผื่น ขนร่วง ต้องพาไปหาสัตวแพทย์
- อย่าปล่อยให้แมวนอนบนหมอน ผ้าห่ม หรือโซฟาโดยไม่ทำความสะอาด
- หลีกเลี่ยงการให้แมวเลียตัวเรา
- ดูดฝุ่น-เช็ดพื้นจุดที่แมวเดินบ่อย เพราะสปอร์เชื้อราอาจแฝงตัวอยู่ได้หลายวัน
แต่อย่าลืมว่า ไม่ใช่แค่แมวเท่านั้น! สัตว์เลี้ยงอื่นอย่างสุนัข กระต่าย หรือหนูแฮมสเตอร์ ก็สามารถเป็นพาหะของเชื้อราได้เช่นกัน
หน้าฝนนี้ ทาสแมวอย่าเผลอตัวให้ความรักมากไปจนลืมดูแลตัวเอง เพราะสุขภาพของเราก็สำคัญไม่แพ้น้องเหมียว อยากโชว์ความหล่อใสบนฟีดแบบไร้ผื่นแดง ก็เริ่มจากเช็กผิวตัวเองตั้งแต่วันนี้เลย!