อุปกรณ์คุมกำเนิดที่ได้รับความนิยมใช้กันมากที่สุดคงหนีไม่พ้น “ถุงยางอนามัย (Condom)” อุปกรณ์ป้องกันตัวที่มีประสิทธิภาพมากถ้าหากนำมาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการเลือกขนาดตลอดไปจนถึงวิธีการเก็บรักษา ซึ่งนอกจากจะช่วยในเรื่องของการคุมกำเนิดได้แล้ว ยังช่วยให้ปลอดภัยจากโรคติดต่อที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Disease: STD) ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ซึ่งถุงยางอนามัยเป็นอุปกรณ์คุมกำเนิดสำหรับผู้ชายและผู้หญิง โดยถุงยางอนามัยชาย จะใช้สวมเมื่ออวัยวะเพศแข็งตัวก่อนการร่วมเพศ ส่วนถุงยางอนามัยผู้หญิง ในประเทศไทยไม่ค่อยนิยมนำมาใช้ เพราะขั้นตอนการใส่ที่ซับซ้อน โดยจะใช้สำหรับสอดเข้าไปภายในช่องคลอดก่อนการมีเพศสัมพันธ์ โดยทั้งคู่ไม่ควรใช้ถุงยางอนามัยพร้อมกัน เพราะอาจทำให้ถุงยางอนามัยเสียดสีกันจนหลุดหรือแตกได้นั่นเอง
- ถุงยางอนามัยผลิตจากอะไร ?
ถุงยางอนามัยในปัจจุบันส่วนใหญ่จะผลิตจากยางธรรมชาติ (Latex) โพลียูรีเทน (Polyurethane) หรือลำไส้ของลูกแกะ (Lambskin) โดยถุงยางอนามัยที่ผลิตจากยางธรรมชาติและโพลียูรีเทน จะมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคติดติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ได้ดีที่สุด ในบางรายที่มีอาการแพ้ยางธรรมชาติก็สามารถมาเลือกใช้ชนิดโพลียูริเทน หรือชนิดที่ผลิตจากลำไส้ของสัตว์แทนได้ ซึ่งจะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้แต่ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ได้
- ถุงยางอนามัยป้องกันโรคได้จริงไหม?
การสวมถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ไม่สามารถรับประกันว่าจะปลอดภัยจากการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม ควรมีการสวมถุงยางอนามัยป้องกันทุกครั้ง เพราะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยลดความเสี่ยงของการติดโรคติดต่อที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ซึ่งล้วนแต่เป็นโรคร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นโรคหนองในแท้ หนองในเทียม คลามัยเดีย งูสวัด และเอชไอวี
- ถุงยางป้องกันการท้องได้จริงไหม ?
จุดประสงค์ของถุงยางอนามัย คือ การคุมกำเนิด แต่ไม่สามารถป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งพบว่าคู่รักที่มีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธีก็มีโอกาสพลาดตั้งครรภ์ได้สูงถึง 2 เปอร์เซ็นต์ และหากใช้ไม่ถูกวิธีจะมีโอกาสพลาดตั้งครรภ์มากขึ้น ดังนั้น เพื่อให้เกิดความสบายใจและมั่นใจในการใช้ถุงยาง ให้สามารถป้องกันโรคและลดโอกาสการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมขึ้น ผู้ใช้ควรศึกษาวิธีการใช้ที่ถูกต้องเสียก่อน
นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงการเก็บถุงยางอนามัย เพราะเป็นสิ่งสำคัญต่อสภาพของถุงยางอนามัย ควรเก็บเอาไว้ในที่แห้งและเย็น หากถุงยางอนามัยสัมผัสกับอากาศ ความร้อน และแสง จะทำให้ถุงยางอนามัยมีโอกาสเสียหรือเสื่อมคุณภาพลงได้ โดยเฉพาะการเก็บถุงยางอนามัยเอาไว้ในกระเป๋าสตางค์ เพราะพกติดตัวไว้ตลอดเวลา มีโอกาสที่จะถูกทั้งความร้อนและแรงกดทับซึ่งอาจทำให้เสื่อมสภาพได้โดยง่าย
ข้อมูลอ้างอิง